Saturday, August 22, 2009

ความทรงจำเมื่อครั้งเดินดอย-ตอนจบ


            พวกเราทำงานร่วมกันได้พักหนึ่ง คุณศักดิ์ทิพย์ ก็โอนไปอยู่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (ตอนหลังโอนไปกระทรวงการต่างประเทศ) คุณสามารถก็โอนไปอยู่สภาความมั่นคงแห่งชาติเช่นกัน เหลือผมกับคุณอิรวัชร์ ที่ยังเดินดอยกันอยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ อีกหลายคน ซึ่งก็ได้ดิบได้ดีไปแล้วมากราย ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ ก็ไม่น้อย จนในที่สุดชีวิตก็ผันแปรทำให้ผมได้โอนไปอยู่สำนักงาคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ หลังจากอยู่กองชาวเขามาประมาณ 5 ปี ในช่วงที่ผมมาทำงานอยู่ที่กรมประชาสงเคราะห์นั้นเป็นช่วงของท่านอธิบดีสุวรรณ รื่นยศ และต่อมาคือท่านอธิบดีเทียน อัชกุล ส่วนหัวหน้ากองสงเคราะห์ชาวเขา ก็มีคุณประสิทธิ ดิศวัฒน์ คุณวิจิต ปิยารมย์ และคุณวิฑูร ทองรมย์ ซึ่งเป็นคนสุดท้ายก่อนที่ผมจะโอนไปอยู่สภาพัฒน์ (และต่อมาผมได้โอนไปอยู่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือสำนักงาน กปร.) และก่อนผมจะย้ายไปนั้นคุณพิโดร อังศุสิงห์ ซึ่งท่านเป็นเลขานุการกรมในขณะนั้นก็มาพูดกับผมเป็นนัย ว่าผมอยากจะไปเป็นประชาสงเคราะห์จังหวัดไหม (ท่านคงนึกว่าผมเบื่อกองชาวเขามั้ง) ซึ่งผมก็ตอบปฏิเสธในความปรารถนาดีของท่านไป และก็ได้ออกไปจากกรมประชาสงเคราะห์ไปตามดวงที่ลิขิตไว้ดด้วยความทรงจำที่ดีงาม 

         ในช่วงนั้น ผมได้เลื่อนชั้นเป็นพนักงานประชาสงเคราะห์โทแล้ว และเป็นช่วงที่ ก.พ.กำลังปรับระบบยศชั้นเป็น พี ซี ตอนนั้นผมจำได้ว่าเป็นข้าราชการชั้นโทก็เท่ห์พอสมควรแล้ว แต่พอปรับซี 4 ไปซี 11 ก็แหงนคอตั้งบ่าแน่กว่าจะถึงจุดนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าก่อนเกษียณถ้าได้เป็นหัวหน้ากองก็เท่ห์น่าดูและเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลแล้ว ไม่ได้คิดมักใหญ่ฝ่าไกลไปถึงซี 11 หรอก 

         ผมย้ายไปแล้ว ผมก็ยังคิดถึงกองสงเคราะห์ชาวเขาเสมอเวลาผมขับรถผ่านกรมประชาสงเคราะห์ครั้งใด ผมก็อมไม่ได้ที่จะมองมาที่ชั้น 4 และนึกภาพในอดีตต่างๆ นานา ผมมีความประทับใจ ผมได้รับความรู้และประสบการณ์มากมายในการที่ได้เรียนรู้ชีวิตการรับราชการนั้นเป็นอย่างไร อะไรควร อะไรไม่ควรและอะไรที่ควรจะทำต่อไปและทำอย่างไร ประสบการณ์นั้นสอนให้เรารู้ระบบ ระเบียบ วินัย ถึงแม้จะเกกมะเหรกเกเรบ้างตามวัน แต่เราก็ทำงานด้วยใจจริง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ได้ไปเบียดเบียนหรือเลื่อยขาเก้าอี้ใคร เราก็อยู่ได้สบาย ๆ ไม่มีปัญหา ประสบการณ์นี้ยังติดตัวผมมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งนับว่าเป็นบุญคุณของเพื่อนพ้องน้องพี่กองสงเคราะห์ชาวเขา กรมประชาสงเคราะห์ ที่มีแก่ตัวผม และนอกจากประสบการณ์เหล่านี้แล้ว ผมก็ประทับใจต่อการปกครองภายในกองชาวเขา ในตอนนั้นที่อยู่กันฉันท์พี่น้อง มีความเอื้ออารีและปรองดองสามัคคีกันไม่มี “นักวิ่ง” อะไรกันเลย (ไม่รู้ว่าสมัยนี้มีหรือเปล่า) ใครได้ก็ดีก็เฮด้วย ใครซวยก็ไปกินเหล้ากัน ก็เท่านั้นเอง จริง ๆ นะครับ
พิมลศักดิ์ สุวรรณทัต
อดีต พนักงานประชาสงเคราะห์โท กองสงเคราะห์ชาวเขากรมประชาสงเคราะห์
อดีต เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.)
กรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิชัยพัฒนา
21 สิงหาคม 2545

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.