Saturday, September 26, 2009

35 ปี กับพี่น้องม้ง-ตอน 3


           มีหมู่บ้านหนึ่งอยู่บนที่สูง เรียกว่าบ้านป่ายาน ต.กกสะทอน อ.ด้านซ้าย จ.เลย ราษฎรส่วนหนึ่งไม่หนีออกจากหมู่บ้านไปร่วมกับผกค.แต่อยู่ทำไร่ในพื้นที่ต่อไปโดยมีทหารพล และทหารม้า คุ้มครอง ดูแลอยู่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มาตลอดเวลา 2 ปีครึ่ง ทางกองทัพภาคที่ 3 อพยพประชาชนบ้านยานทั้งหมดโดยผู้เข้มแข็งเดินด้วยเท้า เด็กและคนชรานั่งเฮลิคอปเตอร์ ชาวเขากว่า 500 คน อพยพลงมาจึงมาตั้งศูนย์อพยพที่บ้านเข็กน้อยในปัจจุบันนี้ โดยมีทหารพลป่าหวายลพบุรีเป็นผู้ฝึกชาวเขาอาสาสมัครคุ้มกันดูแลความปลอดภัย และแล้วคำสั่งให้ผมไปปฏิบัติงานบุกเบิกให้การช่วยเหลือชาวเขาอพยพใหม่ ก็มาถึงขณะนั้น โดยมี ท่านสุรัช บุนยามิน เป็นหัวหน้าศูนย์
          ในเดือนสิงหาคม 2514 ผมโดยมีท่านพิมล แสงสว่าง เป็นหัวหน้าหน่วยฯก็เดินทางไปปฏิบัติงานในแดนผกค. กำลังรุงแรงไปอยู่ใหม่ไม่มีที่พักต้องพักกับทหารในหลุมบังเกอร์ ภาระกิจก็จ่ายข้าวสาร อาหารแห้งให้ผู้อพยพและให้การรักษาพยาบาล มีอยู่คืนหนึ่งกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่ครัวอาหาร ผกค. ก็ยิงเข้ามาแหย่ที่ฐานทหารอาสาสมัคร ทหารสั่งให้พวกผมหลบที่บังเกอร์ ทั้งปืนใหญ่ ปืน คอ ถูกยิงไปยังจุดหมาย ผกค. ผมสังเกตุว่าปืนใหญ่ยิงแต่ละครั้งตะเกียงก็ดับหมด เพราะลมแรงมาก แต่พวกผมก็ปลอดภัยทุกคนในเดือนต่อมา ผู้บัญชาการทหารบกมาตรวจเยี่ยม ผมจำได้ว่า พล.เอก สุรกิจ ไมยลาภ ผบทบ. มาเยี่ยมชาวเขาอพยพแล้วสั่งการว่า เด็กวัยเรียนเหล่านี้ปล่อยไว้ไม่ได้ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของกรมประชาสงเคราะห์รับผิดชอบสอนหนังสือด้วย เป็นอันว่าผมต้องรับผิดชอบเด็กนักเรียนซึ่งมีนักเรียนเดิมอยู่ 3 ชั้น คือ ป.1 ป.2 และป.3 มีนักเรียน 65 คน บางวันก็สอนคนเดียว 3 ชั้น และบางครั้งท่านพิมล แสงสว่าง หน.หน่วยฯ ก็มาช่วยสอนไปตามปกติ มีอยู่วันหนึ่งจำได้ว่าปี 2515 ผกค. รบดุเดือดมากทหารเรือนาวิกโยธินและทหารจากกองพลทหารม้ารักษาพระองค์มาช่วยรบ และตั้งแค้มป์อยู่ใกล้ๆห้องที่ผมสอนหนังสือ ขณะที่สอนหนังสือก็มีชาวบ้านมาขอร้องขอให้ไปดูแลลูกเขาป่วยมาก ผมก็หยุดสอนเด็กและนำยารักษาโรคไปช่วยเหลือผู้ป่วย จากนั้นก็มาสอนหนังสือเด็กต่ออีก ไม่นานขณะเวลาประมาณ 10.00 น. ผกค.เข้ามาดักซุ่มยิงทหารใกล้ที่ผมสอนหนังสือ จากนั้นเสียงปืนกลและปืน ค. ยิงออกไปใกล้ที่ผมสอนหนังสือ ผู้กองทหารมาสั่งให้ผมหยุดสอนหนังสือและนำนักเรียนกลับบ้านกลัวไม่ปลอดภัย ผมและนักเรียนทั้งหมด ทั้งเดินและวิ่งกลับบ้านกัน 


            พวกเราอาศัยพักอยู่ ในบังเกอร์กับค่ายทหารมานานแล้ว ควรมีบ้านพักที่ทำการของเราบ้าง ฉะนั้นเราจึงขอแรงชาวบ้านไปตัดไม้ และแบกไม้ในป่ามาสร้างและขอกำลังทหารติดอาวุธพร้อมทุกคนเข้าเคลียพื้นที่ และล้อมบริเวณตัดไม้ไว้จนกว่าจะแบกไม้มาถึงที่ก่อ สร้าง พวกเราสร้างบ้านพักได้ 1 หลัง โดยขุดดินใต้ถุนบ้านลึกไว้เป็นที่หลบกระสุนปืน การพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาก็เป็นไปตามแผน แต่เหตุการณ์สำคัญๆ ก็ยังมีอีกมากซึ่งไม่สามารถที่จะนำมาถ่ายทอดให้ผู้อ่านฟังได้หมด จากปี พ.ศ. 2516 ก็จะตัดไปปี พ.ศ. 2523 ถึง 2525 ผมได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเพชรบูรณ์ งาน ปจว. และหาข่าวตามพื้นที่สีชมพู ฉายหนังเวลากลางคืน ประชาสัมพันธ์ข่าวสารให้ประชาชนทราบ มาถึงปี พ.ศ. 2525 ผกค. ในเขต 3 จังหวัด ยอมจำนนเข้ามอบตัวกับทางราชการหมดทุกเขตงานฉะนั้นในเขตเดือนตุลาคม 2525 ศูนย์จังหวัดเพชรบูรณ์ โดย ผอ. สมัช พุทธพิทักษ์ ได้ส่งตัวผมไปปฏิบัติงานบุกเบิกหมู่บ้านที่ ผกค. มอบตัวใหม่ คือ บ้านขุนน้ำคับ น้ำจวง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก โดยมีผมและนายทัศนะ ทรงสวัสดิ์วงศ์ ล่ามชาวเขา ออกเดินทางด้วยเท้าเดินขึ้นภูเขาสูงไปยังแดน ผกค. ยังอุ่น ๆ อยู่ เมื่อไปถึงพบชาวเขาชาย – หญิง ซึ่งอดีตเป็น ผกค. ยังใส่ชุดเขียวและบนหมวกยังมีดาวแดงติดอยู่ แต่ไม่ติดอาวุธมาคุยกับพวกเรา ดูกลุ่มบ้านสร้างไว้ใต้ต้นไม้ เพื่อป้องกันเครื่องบินมองเห็นและถูกโจมตี พวกเราสำรวจประชากรหมู่บ้านข้อมูลต่างๆ และพักค้างคืนบ้านชาวเขา เสร็จภารกิจแล้วเดินทางไปอีกหมู่บ้านหนึ่งต้องเดินตามรอยเท้าช้างป่า เพราะว่ามันไม่รกป่าไม่หนาทึบ และบาวครั้งครั้งทางต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ มันแสนลำบากเหลือเกิน

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.