Saturday, September 26, 2009

35 ปี กับพี่น้องม้ง-ตอน 4 (จบ)

35 ปี กับพี่น้องม้ง-ตอน 4 (จบ)

            ขณะนี้ ผมก็ยังคงอยู่ปฏิบัติงานพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา บ้านน้ำคับน้ำจวงอยู่โดยทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยฯ หัวหน้าเขตฯ และผู้ประสานงานชาวเขา อำเภอชาติตระการ เป็นเวลาสิบกว่าปีมาแล้ว เหตุการณ์ที่ไม่รุนแรงอะไร ก็ไม่ขอเอามากล่าว แต่ก็มีอยู่ 2 ครั้ง คือ ปี 2536 ที่บ้านน้ำจวงที่ผมรับผิดชอบ วันนั้นเป็นเทศกาลปีใหม่ของชาวเขาและเป็นวันสุดท้ายจะปิดงาน
            บนเวทีการแสดงก็มีกลุ่มเยาวชน ร้องรำ ทำเพลงกันอยู่ เวลา 20.00 น. ผมและคณะครู ศศช. กศน. ก็อยากมีส่วนร่วมกับการแสดงจึงขอยืมชุดชาวเขามาใส่ และฝึกซ้อมกันก่อนขึ้นเวทีการแสดง ทันใดก็มีเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด ซ้อนกันในบริเวรการแสดง ประชาชนคนดูต่างวิ่งเอาตัวรอดคนละทิศทาง ผมมองไปที่เกิดเหตุ เห็นทหาร 2 คน ถูกยิงล้มลง ส่วนอีกคนถูกยิงเป็นชาวเขา วิ่งหนีไปแต่ไปไม่ไหวล้มลงเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว พวกผมกับผู้ใหญ่บ้านได้จัดหารถยนต์ ส่งผู้บาดเจ็บไปรักษาโรงพยาบาล ทหาร 2 คน ถูกยิงปากฟันร่วงแต่ไม่ตาย นี่แหละครับการพัฒนากับกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงอุดมการณ์ก็เกิดขึ้นอีกจำได้ว่าวันที่ 5 ธันวาคม 2542 เป็นวันพ่อแห่งชาติ ผมและข้าราชการในพื้นที่พร้อมทั้งประชาชนชาวเขาชาย – หญิง ในหมู่บ้านร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพรและสดุดีมหาราชาพร้อมกับทางกรุงเทพฯ และเมื่อถวายพระพรเสร็จ เราก็ฉาย วีดีทัศน์ ให้ประชาชนเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ขณะที่กำลังฉาย วีดีทัศน์ อยู่ก็มีชาวเขาเข้ามาแจ้ง หน่วยทหารที่ชมหนังอยู่กับพวกผมว่าคนพื้นราบที่ขึ้นมารับจ้างปลูกป่าถูกยิง 2 คน ทหาร 3 นายพร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยอาวุธไปดูที่เกิดเหตุ ห่างจากพวกผม 300 เมตร


             เมื่อทหารไปถึงเห็นมีคนตาย 2 คน ทหารจึงยิงปืนเอ็ม 16 ขึ้นฟ้ารัวถี่ไป 1 ชุด ในขณะเดียวกัน คณะครูจากโรงเรียนของการประถมศึกษา กำลังดื่มกันสนุก นึกว่าทหารยิงปืนเฉลิมพระเกียรติ ก็เลยยิงปืนลูกโม่ประจำตัวตอบโต้ไปอีก 3 นัด ส่วนพวกผมดูแลการฉาย วีดีทัศน์ อยู่บริเวณจัดกิจกรรมก็เลยคิดว่าทหาร กับผู้ยิงปะทะกันแล้ว จะฉายหนังกันอยู่ทำไมประชาชนต่างวิ่งกลับบ้านใครบ้านมัน พวกผมก็รับเก็บโทรทัศน์และวีดีทัศน์แทบไม่ทัน รีบนำเครื่องเข้าห้องพักปิดประตูห้อง แล้วหาข้าวปลาอาหารมากินมื้อเย็นเวลา 20.00 น.

             พวกเรา 4 คน ร่วมครู กศน. ร่วมรับประทานอาหารกันโดยนั่งกับพื้นปูนซีเมนต์ในห้องครัว(ไม่ได้ดื่มเหล้า) หิวข้าวมากกินข้าวใกล้อิ่มกันแล้วสักครู่ก็มีเสียงมอเตอร์ไซด์มาเรียกให้พวกเราเปิด จำได้ว่าเป็นครูจากโรงเรียนการประถมศึกษาในหมู่บ้านฯเอง พวกเราก็เปิดประตูให้ เขามาขอซื้อของเพิ่มเติม ขณะที่เปิดประตูไว้และภรรยาครูหยิบของให้ผู้มาซื้อของนั้นเอง เสียงปืนดังปัง! ครูผู้มาซื้อของล้มลงทับอาหารจานข้าวของผมไม่พูดสักคำ ส่วนภรรยาครูร้องบอกว่าถูกยิงที่แขน ผมแน่ใจแล้วว่าคนร้ายตามมายิงพวกเรา อยู่ไม่ได้แล้ววิ่งออกจากที่พักอีกด้านหนึ่ง ยกมือพนมท่วมหัวขอพระคุ้มครองด้วยวิ่งลัดเลาะไปบอกผู้ใหญบ้านและกรรมการมาช่วย ผู้ใหญ่บ้านและกรรมการก็ ผกค.เก่าเมื่อทราบข่าวก็นำกำลังพร้อมอาวุธมาช่วย นำหน้าเคลียพื้นที่เกิดเหตุว่าปลอดภัยก็ส่งสัญญาณให้ผมเข้ามาได้ พวกเราได้ช่วยกันหามครู ขึ้นรถบรรทุกปิกอัพส่งโรงพยาบาลอำเภอชาติตระการในคืนนั้นพอถึงเวลาเช้ามาตรวจบริเวณที่เกิดเหตุ ปืนที่ยิงเป็นปืนลูกซองครูผู้ถูกยิงลูกเข้ากลางหลัง 4 ลูก ส่วนภรรยาครู กศน. ถูกยิงที่แขน 1 ลูกเป็นลูกปืนที่ยิงถูกวงกบประตูแล้วอ่อนตัวถูกแขนบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนลูกปืนอีก 4 ลูก ผ่านเหนือศีรษะพวกผมไป ถูกฝาบ้านด้านตรงกันข้าม เมื่อมาคิดดูแล้วมันเป็นดวงของเราที่ไม่ถึงที่บาดเจ็บ หรือตายถ้าลุกขึ้นยืน หรือมีธุระเปิดประตูออกไปข้างนอก จะเป็นใครก็แล้วแต่จะเป็นเป้ากระสุนปืนแน่นอน

          ทุกวันนี้ ผมก็ยังดูแลพัฒนาหมู่บ้านนี้อยู่อีกต่อไป และมาคิดย้อนถึงอดีตที่ผ่านมากว่า 30 ปี ผมก็คือนักบุญผู้มีแต่ให้ คนไม่มีข้าวสารอาหารแห้งบริโภคก็หามาให้ ผู้เจ็บป่วยก็ให้เยียวยาผู้ต้องการความรู้ก็สอนหนังสือและส่งไปเรียนจนมีงานทำ และอีกหลาย ๆ อย่างที่ทำมาแล้ว และภูมิใจตนเองที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมายรวมทั้งผู้ที่เราให้การสงเคราะห์ ไปหมู่บ้านชาวเขาที่ไหน มีแต่คนรู้จักยกมือไหว้เคารพนับถือ เราภูมิใจที่ได้เป็นปูชนียะบุคคล ถึงยากจนไม่ร่ำรวยก้พอใจกับสภาพของตนเอง คงจะไม่รอคอยแล้ว ซี 6 – ซี 7 เพราะอีกไม่เกิน 2 ปี ผมก็พักผ่อนเกษียนอายุราชการ แต่ขณะนี้ยังไม่ท้อแท้ต่อการทำงานแต่อย่างใด เพราะผมถือคติที่ว่า “ใจหนุ่มในร่างแก่ ยังดีกว่าใจท้อแท้ในร่างหนุ่ม”
โดย กฤษณ์ ฤทธิ์รอด

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.