Saturday, September 26, 2009

35 ปี กับพี่น้องม้ง-ตอน 2

ประสบการณ์ชีวิตการทำงาน 35 ปี กับพี่น้องม้ง


            ต่อมาในเดือน มิถุนายน 2511 ผู้ใหญ่บ้านป่าหวาย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นที่ตั้งหน่วยฯ เดิมของผม ถูกผกค. ยิงตายในฐานะไม่ให้ความร่วมมือกับผกค. ผมได้รับคำสั่งให้ไปช่วยเหลือและปลอบขวัญชาวบ้านและเป็นกำลังใจ มียาและสิ่งของไปแจกด้วย ผมและคณะ 3 คน เดินทางขึ้นเขาลงห้วยไปตามป่าเขา ระยะทาง 3 จังหวัดอย่างที่พูดไว้ข้างต้น เข้าไปอาศัยอยู่บ้านว่าง เวลากลางวันก็ปฏิบัติงานจิตวิทยา แต่พอตกกลางคืนนี่ซิมันน่ากลัวอะไรเช่นนั้น กลัวว่าจะยิงผู้ใหญ่บ้านตายแล้วถึงต่อไปต้องเป็นเจ้าหน้าที่ราชการบ้าง มีคืนหนึ่งผมและคณะนอนไม่หลับมันน่ากลัว ว่าผกค. จะย่องเข้ามาที่พักเราและจะยิงเรา
           นอนฟังเสียงเหยียบใบไม้แห้งดัง ก๊อบ แก๊บ ๆ อยู่ใกล้พวกผมเลยลุกไปแอบดูตามช่องรูบ้านด้วยความระมัดระวัง และกลัวมันดังอยู่ใกล้หัวนอนของเราเอง แต่แพวกเราแอบดูก็ตกใจมาก มันคือหนุ่มสาวกำลังบรรเลงรักกันอยู่ใกล้ที่นอนของเราเอง ไม่ใช่ผกค. มาซุ่มยิงเรา พวกเราก็หัวเราะและลงนอนหลับตื่นเช้าต่อไป ต่อมาในเดือน พฤศจิกายน 2511 กอ.ปค. จ.เพชรบูรณ์ได้ประสานขอหน่วยยูซิส หรือสำนักงานแถลงการณ์ข่าวอเมริกัน นำภาพยนต์ขาว – ดำ จอเล็กมาช่วยเป็นสื่อออกเดินสายไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ ผมคนหนึ่งที่เป็นเจ้าหน้าที่ติดตามหน่วยนี้ไปขึ้นรถยนต์ไปและต้องเดินเท้าบ้างบางพื้นที่ มีครั้งหนึ่งขณะที่เราเดินทางกลับจากการ ปจว. โดยรถยนต์จี๊ปผ่านมาหลังภูลมโล เราก็พบก้อนหินขนาดใหญ่ขวางทางรถยนต์อยู่ ด้วยความซื่อผมและอีกคนก็ลงมางัดก้อนหินออกจากทาง แต่มาเสียวที่หลังเขาบอกว่า ผกค. มาดักยิง แต่ขณะเดียวกันชาวม้งก็เดินผ่านมาทั้งหญิงชาย เขาเลยไม่ยิง โอคุณพระช่วย! รอดไปได้ 
           แต่ต่อมาในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2511 คณะของเราก็เดินทางออกมาปฏิบัติงานในหมู่บ้านอื่น โดยเข้า ปจว. ฉายภาพยนต์กลางเพื่อเป็นสื่อเรียกรวมกันที่บ้านเข็กน้อยเก่า (ไม่ใช่บ้านเข็กน้อยในปัจจุบัน) จากนั้น ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2511 คณะของเราก็เดินทางไปเยี่ยมเยียนปฏิบัติการจิตวิทยาที่บ้านห้วยทรายใต้ ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ในคืนนั้นคณะของเราฉายภาพยนต์ขาว – ดำ เรื่อง “เหตุเกิดที่หมู่บ้านพังโพน” จำได้ว่าสุรสิทธิ์ กับ อภิญญา แสดงนำ ขณะกำลังฉายภาพยนต์ก็มีชาวเขาดูกันมาก เพราะว่าบ้านนี้มีหลายเผ่ามีแม้ว เย้า และลีซอ เมื่อฉายภาพยนต์เสร็จ ก็เข้าพักแรมที่พักหน่วยฯ ซึ่งมีคุณฉลอง นามสิบมาผู้ล่วงลับ ขออภัยที่เอ่ยชื่อ ผมกลับมานอนที่พักพร้อมกับคณะของ ยูซิสอีก 3 คน นอนไม่หลับสักทีพลิกซ้าย – ขวาก็ไม่หลับ จนกระทั่งเวลา 02.10 น. ผมก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดซ้อน ปัง ปัง และก็ติดตามด้วยปืนยิงเร็ว ถี่ยิบ อยู่ในชุดใหญ่ จากนั้นเป็นเสียงระเบิดมือ ดังกึกก้องหลายลูก พวกเราจึงรู้ว่าห่างที่พักเราไปอีก 150 เมตร อยู่สูงกว่าเรา คือ ฐานปฏิบัติการชาวเขาอาสาสมัคร


              พวกเราทั้งหมดหนีออกจากที่พักกระโดดข้ามรั้วไปอย่างตกใจกลัวไปหลบอยู่ในป่าข้าง ๆ ที่พัก มือก็ถือปืนลูกโม่ .22 แม็กนั่ม มือก็สั่นไม่รู้จะยิงถูกหรือเปล่า มองไปที่เขายิงก็มองเห็นไฟลุกสว่างไสว เพราะ ผกค. ได้เผาที่พักแล้ว แต่พวกเราก็ไม่ยอมออกจากที่ซ่อนในป่า กลัวว่า ผกค. จะมายิงเราในที่พัก ประมาณครึ่งชั่วโมงเสียงปืนหยุดลง ก็มีเสียงร้องไห้กันโหยหวน และยิงปืนขึ้นฟ้า พวกเรารออยู่จนถึงเวลาตี 5 มีชาวเขามาเรียกเราว่า หัวหน้า ๆ เขายิงพวกเราตายหมดแล้ว พวกเราออกจากที่ซ่อน เดิมตามชาวม้งที่เดินออกหน้าทุกฝีก้าว เขาเดินเราก็เหยียบตามเขา เพราะกลัวกับระเบิดเมื่อไปถึงที่เกดเหตุ ภาพที่เห็นคือผู้ที่ถูกยิงตาย ถูกไฟไหม้ดำเกรียม เรียกว่าตายยกกำลังสองเลยเห็นภรรยาของผู้ตายมาจับกอดและร้องไห้กับศพ  

               ผมเดินตรวจดูนับศพได้ 10 ศพ มีอีกรายหนึ่งยังไม่ตายคลานออกมานอนอยู่นอกบริเวณไฟไหม้ หายใจอ่อน ๆ หน้าซีดเหลืองและมีไส้ออกมากองนอก ถูกลมพองตัว ผมยัดไส้เข้าไปในท้อง แล้วเอาผ้าขาวม้าพันไว้พอดีมีรถบรรทุกเหลืองของกรมทางหลวงมาดู และนำส่งมาโรงพยายบาลแต่ตายระหว่างทาง อีกศพหนึ่งเป็นทหารสิบเอกครูฝึก คลานออกมาตายนอกกองไฟ ใส่กางเกงกีฬาขาสั้นไม่ใส่เสื้อ บนหัวนอนมีสร้อยพระเครื่องแขวนไว้ ยังไม่ไหม้ไฟเลย ขณะเดินตรวจพบอีกคนคลานออกจากป่ามาตามเนื้อตัวมีแต่เศษลวดตัดขนาดสั้นเต็มตัวและแขน เรียกช่วยด้วยครับ ผมถูกยิงจนปืนหักคามือ เก็บปลอกกระสุนปืน อาการ์ได้เป็นสองจุดยิงประมาณร้อยกว่านัด พวกผมเลยเดินทางออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ ไปรายงานเจ้านายในขณะนั้น คือ หัวหน้าเจริญ กสิวิวัฒน์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว จากนั้นหัวหน้าเจริญ และกระผมได้เดินทางมาเยี่ยมที่เกิดเหตุ นำผ้าห่มและสิ่งของมาแจกเป็นกำลังใจแก่ญาติผู้ตาย ฉะนั้นในวันที่ 20 ต่อ 21 พฤศจิกายน 2511 นี้ เป็นวันที่ผมจำได้ดีมากครับ


               กลับไปที่ตั้งปกติ คือ นิคมบ้านทับเบิก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ วันนั้นวันที่ 25 พฤศจิกายน 2511 หัวหน้าเจริญ กสิวิวัฒน์ จะไปตรวจแทรกเตอร์ สร้างถนนสายภูลมโล – ขี้เถ้า ได้ชวน คุณฉลอง นายสิบมาไปเป็นเพื่อน พร้อมคนขับรถ หัวหน้าได้ชวนผมไปด้วย แต่ผมบอกว่าได้เวลาหยุดพักผมแล้ว ผมจะลงไปในเมือง แล้วผมก็ขึ้นรถจิ๊ปออสเตรเลียกับพวกเดินทางกลับไปในเมือง ผมกลับมาถึงที่พักตลาดหล่มเก่า ได้ข่าวจากวิทยุ ตชด. แจ้งว่าเจ้าหน้าที่นิคมชาวเขาถูกยิง หลักภูลมโล นายฉลอง นายสิบมาตายคาที่ หัวหน้าเจริญกับคนขับรถบาดเจ็บเล็กน้อย เพื่อความแน่ใจผมกับญาติคนเจ็บและตายเดินทางไป อ.ด่านซ้าย จ.เลย เพื่อไปพูดวิทยุของ ตชด. ส่งไปบ้านขี้เถ้า อ.ด่านซ้าย ผลแน่ชัดว่า นายฉลอง ถูกยิงตายคาที่ ด้วยปืนคาบินถูกสมองทันที ขณะที่นำศพมาอยู่บ้านขี้เถ้า มีตชด. คุ้มกันอยู่ วันรุ่งขึ้นทางตำรวจจึงประสานขอเฮลิคอปเตอร์บินไปรับศพคนตายและผู้บาดเจ็บมาที่หน้าที่ว่าการอำเภอหล่มเก่า และจัดงานศพอย่างสมเกียรติ มีข้าราชการจากกรมประชาสงเคราะห์มาร่วมมากมาย จากนั้นนิคมชาวเขาบ้านทับเบิกก็ถูก ผกค. เข้าบุกยิงตำรวจคุ้มครองหมู่บ้าน และเผาที่ทำการบ้านพักเจ้าหน้าที่หมด และแล้วหมู่บ้านชาวเขา 3 จังหวัดทั้งหมดก็หนีไปร่วมกับ ผกค. บางส่วนก็หนีมามอบตัวกับทางราชการหลาย ๆ จุด โดยตั้งเป็นศูนย์อพยพชาวเขาตั้งแต่เดือนมกราคม 2512 ถึงกุมภาพันธ์ 2513 ผมจะไม่กล่าวถึงเรื่องการให้ความช่วยเหลือ จ่ายข้าวสาร อาหารแห้ง ต่าง ๆ ขอยุติไว้ก่อน

โดย กฤษณ์ ฤทธิ์รอด

0 ความคิดเห็น:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.